explicitClick to confirm you are 18+

เซเลป Elite ศีลธรรมความดี และผีทักษิณ: ความรุนแรงที่กดทับชนชั้นกลางโดยชนชั้นกลาง

IdeooJun 11, 2020, 11:56:00 AM
thumb_up100thumb_downmore_vert

เพื่อนๆ หลายคนคงเห็นแล้วว่าสังคมไทยตอนนี้ล้มเหลว เพราะชนชั้นนำ หรือ Elite ผู้นำความคิดอนุรักษ์นิยมแบบสุดขั้วขึ้นมามีอำนาจ ในทางเดียวกัน ดารา เซเลป ทั้งหลายออกมาขานรับกับเเนวคิดอนุรักษ์นิยมเหล่านี้ จนพาลให้เพื่อนๆ เหมารวมว่า ดาราโปรไฟล์ดี สวย รวย และอื่นๆ คือหนึ่งใน Elite ที่ขับเคลื่อนสังคม 

แต่ในข้อเท็จจริง คำว่า Elite กับดารารวยๆ ดังๆ ไม่ใช้นิยามกันนะครับ

.....ในทางสังคมศาสตร์ Elite คือชนชั้นนำ 

ในปัจจุบันหากมองตามบริบทประวัติศาสตร์ ผมเริ่มเอายุคกลางที่มีการแบ่งชนชั้นกันชัดๆ อีลิท ก็คือ กลุ่มคนที่มีอภิสิทธิ์มาแต่เกิด พวกลอร์ด หรืออัศวินชั้นสูง คือเจ้านายที่มีอำนาจขับเคลื่อนสังคม อาศัยบารมีของครอบครัวและศาสนจักรสร้างความชอบธรรมให้กับอำนาจเพื่อปกครองชาวนาชั้นล่างจัดเก็บภาษีและออกฏหมาย จึงมีวัฒนธรรมแบบสุภาพบุรุษ วิถีอัศวิน หรือทศพิษราชธรรมเพื่อปกกันไม่ให้ผู้มีอำนาจมหาศาลเหล่านี้กดขี่ประชาชนมากไป ซึ่งนั่นเป็นปไม่ได้ เพราะอำนาจคือการกดขี่โดยตัวของมัน ระบบศักดินาของไทยก็เป็นเช่นเดียวกันนี่แหละ

หลังจากผ่านเวลายุคกลางนับ 1000 ปี สังคมก็เปลี่ยนไป

....เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม Elite ยังมีอำนาจอยู่ก็จริงแต่ก็เกิดชนชั้นใหม่ คือ nouveau riche หรือ new riche ขึ้นมา พวกนี้มาจากการสร้างเนื้อตัวค้าขาย ลงทุน และมีโอกาสมากขึ้นทุกทีเนื่องจากคนรวยใหม่จากอุตสาหกรรมนี่มันรวยจริงๆ มันรวยแบบไม่หยุดยั้ง และระบบทุนนิยมก็เอื้อให้มันรวยกว่าเดิมเหี้ยๆ

....ดังนั้นสิ่งที่เกิด คือ การแย่งพื้นที่แสดงออกทางฐานะผ่านรสนิยมต่างๆ เพื่อบอกว่าตัวเองเป็นใคร ซึ่งกรณีนิวริชพยายามเป็นอีลิทคือสิ่งที่สังคมนั้นๆ มองว่าเป็นแบบอย่างของอีลิทครับ เช่น เพลงคลาสสิค มีลูกเล่นเปียโน รูปปั้น งานศิลปะ ความรู้ ใบปริญญา ปัญญาชน คือการสร้างบารมีแบบอีลิท เป็นสิ่งที่พวกนิวริชพยายามแสวงหาเมื่อโอกาสตัวเองมาถึง

....แม้ว่าในยุคโลกาภิวัฒน์จะทำให้เส้นชนชั้นมันเบลอ แต่การช่วงชิงพื้นที่ของรสนิยมมันนังมีและชัดขึ้น คนรวยใหม่คือชนชั้นกลางนี่แหละพยายามแสวงหาสัญญะต่างๆเพื่อบอกว่าตัวเองขยับชั้นหรือบอกว่าเราอยู่ชั้นเดียวกัน เป็นไปได้ทั้ง ใบปริญญา สถาบันชื่อดังที่เรียนอย่าง Oxford อาชีพ ตลอดจนสินค้าแบรนด์แนมที่อีลิทนิยมใช้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกนิวริชหาได้ไม่ยาก บางครั้งพวกอีลิทกับนิวริชก็จับมือคล้องแขนแต่งงานหรือสานสัมพันธ์เพื่อสร้างอำนาจขับเคลื่อนสังคมหรือเป็นแบบแผนรสนิยมได้ เช่น การแต่งงานของนายทุนใหญ่ ดารา กับสายทุนตระกูลเจ้า

....อย่างไรก็ตามความรังเกียจพวกนิวริชที่บังอาจยกตนเสมอท่านก็มีเหมือนกันก็มีครับ สิ่งที่อีลิทมักจะยกมาอ้างความสูงของตัวเอง คือ ศีลธรรมจริยธรรมจรรยามารยาทงามความเป็นสุภาพบุรุษสตรี ที่เชื่อว่าถ่ายทอดมาผ่านวงศาคณาญาติ การเหยียดหัวนอนปลายตีนหรือรสนิยมจึงเกิดขึ้น คุณธรรมแบบอีลิทนี้ม่งผลถึงมุมมองทางวัฒนธรรมหลายอย่างครับ

เช่น.... มุมมองว่าประชาชนคือลูก คนดีคือคนจงรักภักดี อย่าเห็นแก่เงินเห็นแก่ส่วนรวม พวกเห็นแก่เงินคือพวกชั้นต่ำ (เพราะการจะขยับชั้นได้มันต้องใช้เงิน) และที่มาแรงคือ มึงต้องพอเพียง ใช้ชีวิตพอเพียงคือจรรยาอันบริสุทธิ์ เหล่านี้สร้างขึ้นมาเพื่อแยกอีลิทออกจากพวกชั้นล่าง

....ดังนั้นพวกที่เริ่มมีโอกาสเป็นนิวริชจะกลมกลืนกับอีลิทได้มันง่ายนิดเดียว คือ มึงก็ยึดเอาศีลธรรมจรรยาแบอีลิทมาใช้ แบบว่าฉันมีสไตล์ แบรนด์เนมก็ใช้นะแต่ฉันก็ใช้ของไทยแบบองค์ราชินี ฉันมีคุณธรรม ฉันจงรักภักดี ฉันยึดถือคำสอนพ่อ ฯลฯ เพื่อแยกตนออกห่างพวกชั้นต่ำที่ไม่สามารถชิงการแสดงออกแบบอีลิทได้นั่นเอง

....ตัวอย่างการแก้เผ็ดของกลุ่มวัฒนธรรมอีลิทเกิดขึ้นแล้วและเราอาจไม่รู้ตัว

.....ในช่วงปี 2540 ทักษิณ เป็น นิวริช คนหนึ่งที่เติบโตมาจากการทำธุรกิจ และเขาพยายามอย่างมากที่จะเป็นอีลิท ครอบครัวเขารวย เขาเรียนนายร้อยตำรวจอาชีพของอีลิท และเขาก็เรียนต่อจนจบ ป.เอก คือ การแสดงออกว่าเป็นปัญญาชนอีลิท เขาลงเเข่งการเมืองได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรากหญ้าเพราะแม่งโตมาจากครอบครัวเจ๊กรากหญ้าที่รวยแล้วมาเกลือกกลั้วกับแวดวงอีลิท

.....ผ่านไปไม่นานเราก็เห็นว่า พวกอีลิทเริ่มไม่เอาคนนี้ พวกเขาเริ่มโบยตีทางศีลธรรมจรรยาว่าทักษิณหลอกชาวบ้าน เพราะพวกเขาคิดเองไม่เป็นหรอก ทั้งโง่ ทั้งจน แค่ทักษิณเสนอโอกาสให้แล้วหลอกเอาการสนับสนุน จรรยาแบบนี้จึงไม่ควรเป็นชนชฝผู้นำขับเคลื่อนสังคม

.....สิ่งที่อีลิทสนับสนุน ไม่ใช่อื่นไกล พรรคที่ขัดแย้งควบคู่กับทักษิณ คือ ปชป. แบะโปรไฟล์ชั้นเลิศของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอขึ้นมาเป็นตัวแทนอีลิท

พิจารณาดูครับ...ชายหนุ่มลูกผู้ดี เรียนจบจากวิทยาลัยอีตัน และ อ๊อกฟอร์ด ยู. อังกฤษ ที่ผลิตชนชั้นนำและเจ้าชายทั่วโลก รวมไลฟ์สไตล์และความคิดทางการเมืองคืออีลิทแท้ๆ

.....ดังนั้น ปรากฏการณ์การช่วงชิงอำนาจนำทางสังคมระหว่างนิวริช มีภาพแทนคือทักษิณและพวก นักธุรกิจที่ผันตัวมาเล่นการเมือง และ อีลิท มีภาพแทนคือหัวหน้า ปชป. จึงเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 2550

...ทฤษฎีสองนคราจึงชัดเจนมากเมื่อคนรากหญ้าเลือก พท. และ คนชนชั้นกลาง เทใจให้ ปชป. ผลการเลือกตั้งแบ่งสองพรรคใหญ่ชัดเจน นี่คือผลพวงของการปะทะของตัวแทน กลุ่มคนที่พยามเลื่อนชั้นทางสังคม คนรากหญ้า คนชนชั้นกลางใหม่ ชนชั้นกลางค่อนสูง และชนชั้นสูงที่ต้องรักษาอำนาจนำของตน

.....เส้นชั้นทางสังคมใหม่นี้ ทำให้ภาพของคำว่า Elite พร่าเลือน เพราะชนชั้นกลางบางกลุ่มเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีด้วยจรรยาแบบอีลิท และเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจนำในการขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีเช่นเดียวกับอีลิท และหากใครหนุนทุนนิยมสามาญที่เอื้อให้คนข้ามคลาสได้จึงต้องเลว เพราะนี่คือความเปราะบาง หากคุณได้ผู้นำจากกลุ่มคนที่ตัวเองมองว่าโง่ จน เจ็บ หมายความว่า ความเป็นอีลิทที่ตนเชื่อมั่นสูญเสียอำนาจนำไป

......และการไม่มีอำนาจนำ หมายความว่า คุณไม่ได้เป็นอีลิทแล้ว คุณเหมือนกับทุกคนที่ปากกัดตีนถีงในวิถีของตัวเอง ศีลธรรมจรรยา สัญญะ คำสอนต่างๆ ที่คุณเชื่อมั่นถูกแก้ไขและเเทนที่ ตรงนี้คือความรุนแรงที่อีลิทรับไม่ได้สิ้นเชิง และเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการดึงกลุ่มชนชั้นกลางค่อนสูงที่ตนหล่อหลอมไว้มาเป็นพวกพ้อง และตั้งค่าควบคุมพวกชั้นกลางใหม่ที่เผยอหน้ามาจากตมใต้ตีน...

.....ชนชั้นกลางที่ถูกนำมาเป็นพวกพ้องที่ดีที่สุด คือ บรรดาเซเลปทั้งหลาย เราคงเห็นคนพวกนี้ออกมาสั่งสอนคนอื่นๆ พ่นคำว่าวัฒนธรรมไทยของอีลิทนั้นดีอย่างไร เช่น พวกพงษพัฒน์ สินจัย โจว หรือล่าสุดก็ กาละแม ที่มาสั่งสอนเรื่องสยามเทวราช และดีเจภูมิ ที่วันดีคือดีจับจอบมาทำเกษตรเเล้วสั่งสอนชาวนา คุณค่าพวกนี้คือสิ่งที่ อีลิท ใส่ไว้ในหัวเขา และทำให้เขาปฏิบัติการออกมาอย่างใสซื่อเพื่อควบคุมคนชนชั้นกลางระดับล่างที่คิดว่าเป็นทาสเขา และหนักสุดคือชนชั้นล่างว่าอย่าริอ่านขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางระดับสูงอย่างชั้นนะ 

....ปฏิบัติการใสซื่อนี้ เรามาเข้าข้างเขาหน่อยว่าเขา อีโนเซ้น อย่างบริสุทธิ์ อีเหี้ยสงสารชิบหาย 

สงสารกูเนี่ย อยู่กับสังคมเดียวกับพวกมึงเนี่ย