explicitClick to confirm you are 18+

Renaissance คือการเกิดใหม่ของอะไรกันแน่?: หาคำตอบผ่านฝีแปรงของราฟาเอลโล ในภาพ School of Athens

IdeooJul 22, 2020, 3:56:50 PM
thumb_up23thumb_downmore_vert

[ภาพปก: Scuola di Atene หรือ School of Athens.(1509-1511) วาดโดย Raffaello Sanzio da Urbino]

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในสมัย Renaissance (ศตวรรษที่ 14 -16) หรือการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เขาฟื้นฟูอะไรกัน?

........เมื่อพูดถึงการฟื้นฟูสิลปะวิทยาการในเเง่ช่วงเวลา ประวัติศาสตร์เล่าเพียงว่าขณะนั้นยุโรปกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงหลังจากคริสตจักรครองอำนาจในยุคกลางยาวนานกว่าพันปี สงครามครูเสดสงบลง และการค้าขายในทวีปรุ่งเรืองขึ้นมีความมั่งคั่งขึ้น เมื่อมองไปที่วิธีคิดของคนเมื่อการลงทุนเเล้วมั่งคั่งแสดงว่าคนเริ่มครุ่นคิดกับปัจจุบัน ความเป็นปัจเจกความเป็นมนุษยนิยมเริ่มก่อกำเนิด บางตำราอาจกล่าวอย่างอาจหาญว่า เกิดนักคิด นักประดิษฐ์ ศิลปินที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์ท้าทายอำนาจความงมงายของคริสตศาสตร์ที่ครอบครองคำอธิบายโลกไว้เพียงแต่ผู้เดียว

หลากหลายตำราที่เล่าเรื่องเรอเนสซองค์ ก็พูดถึงเค้าโครงเดียวกันว่านี่คือยุคสว่างไสวรุ่งเรืองและกำลังนำโลกไปสู่ยุคสว่างทางปัญญา (Age of Enlightenment)

ย้อนกลับพิจารณารากศัพท์เสียนิด Renaissance ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Rebirth หรือเกิดใหม่ หมายความว่ามีสิ่งที่เกิดอยู่ก่อนแล้วและจางหายไป จึงมีกระบวนการรื้อฟื้นขึ้น

......กระบวนการรื้อฟื้นเกิดขึ้นในคาบสมุทรอิตาลี อย่างน้อยก็เท่าที่ตำราและหลักฐานประวัติศาสตร์บอกเรา ที่อิตาลี นักคิด นักเขียน นักประดิษฐ์ ศิลปินอยุ่รายล้อมกับโบราณสถานของชาวโรมันจำนวนมากที่เคย "เกิด" แล้วดับไป พวกเขาเริ่มถอดแบบและใคร่ครวญมัน ขณะเดียวกันเมื่อสงครามครูเสดสงบ การเดินทางค้าขายกับจักรวรรดิออตโตมันเริ่มคึกคัก ตอนนั้นคัมภีร์และตำราที่จารด้วยอักษรกรีกที่ถูกเก็บไว้ในอาณาเขตของพวกเติร์กเริ่มได้รับความสนใจและศึกษา เช่นเดียวกับองคืความรู้ของชาวตะวันออกใกล้ ในการนี้ องค์ความรู้แบบกรีกโรมันจึงฟื้นฟู

......การศึกษา เปลี่ยนแปลงความคิดเเละสงคราม แต่การศึกษาของชาวยุโรปไม่เหมือนบ้านเรา เขายึดเอาปวงปรัชญาเป็นฐานการศึกษาในยุคกลางหรือยุคมืด ปรัชญาคริสตศาสนา เป็นแกนกลสงของการศึกษา แต่เมื่อเริ่มศึกษา "ใหม่" อีกครั้งจากความพร้อมพรั่ง ซึ่งว่าด้วย "การถกเถียงไ หรือ วิภาษณ์วิธี ที่จะนำไปสู่ความรู้ใหม่ๆ

หลายคนมองว่ามันคือการที่ยุคเก่าปะทะความรุ่งโรจน์ของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นประเด็นการศึกษาใดๆ ก็ตามจะต้องถกเถียงเชิงความคิด หักล้างด้วยเหตุผล แล้วพิสูจนืด้วยทฤษฎีหรือการทดลอง ซึ่งกลายเป็นที่มาของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภายหลัง

..............คนยุคนั้นจึงยกเอา "ตัวพ่อสองคน" ที่เป็นแกนกลางปรัชญาตะวันตกเป็นฐานการศึกษา "เพลโต" และ "อริสโตเติล".......................

ราฟาเอลโล จิตรกรเอกแห่งยุคทองของสมัยเรอเนสซองค์ (ศตวรรษที่ 1509-1511) ได้วาดภาพปูนเปีกประดับผนัง Apostolic Palace ที่ Vatican ซึ่งประกอบไปด้วยปวงนักปรัชญาคนสำคัญต่างๆ ในอริยาบถที่ต่างกัน

ราฟาเอล ได้ประจงจัดวางแกนกลางของปรัชญาตะวันตกยุคใหม่ (ยุคใหม่ของเขาก็คือยุคเรอเนสซองค์ของเขานั่นแหละ) ไว้ตรงกลางซึ่งเป็นจุดรวมสายตาของภาพขนาดมหึมานั้น "เพลโต" และ "อริสโตเติล"

เพลโต เป็ยชายแก่ ถือตำราที่ชื่อว่า Timaeus ซึ่งเป็นงานอภิปรัชญาว่าด้วยเรื่องโลกกำเนิดมาได้อย่างไร และสิ่งต่างๆ ที่เรารู้จักกันนั้น "ความจริงแท้" คืออะไร หรือเรื่องของ "Form" หรือโลกของแบบ ที่เราคุ้นเคย

ในมือของอริสโตเติลถือหนังสือชื่อ ETHICA หรือชื่อเต็มคือ Nicomachean Ethics ซึ่งว่าด้วยชีวิตที่ดีสำหรับโลกนี้

อากัปกริยาทั้งสองประกอบตำราในมือ บอกเราได้ทันทีว่าทั้งสองกำลัง "ถกเถียง" คือ มือที่ชี้ขึ้นฟ้าของเพลโตคือการพูดเชิงนามธรรม เป็นปรัชญาว่าด้วยโลกและสิ่งสิ่งที่มิงไม่เห็นเป็นความจริงแบบจิตนิยมก็ว่าได้ ส่วนอริสโตเติล ผายมือลงต่ำเพื่อบอกว่าให้พิจารณาที่การกระทำอันเป็นรูปธรรม หรือจริยศาสตร์ในโลกความจริง จิตนิยม/วัตถุนิยม นามธรรม/รูปธรรม

เมื่อเรามองว่านี่คือแกนกลางแห่งปรั๙ญาการศึกษาที่เปลี่ยนโลกยุคใหม่ การถกเถียงระหว่างหลักการคิดหรือการตระหนักรู้เกี่วกับความจริง ยอ่มนำไปสู่การออกแบบปฏิบัติการหรือการกระทำที่เหมาะสมแก่บริบท ที่ดีงามสมความเป็นมนุษย์

อันนี้คือ "วิภาษณ์วิธี"

นี่คือรากฐานความเป็นมนุษย์ นี่คือ มนุษย์นิยม นี่คือจุดเริ่มต้นของการถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวางเพื่อเกิดสิ่งใหม่ๆที่เหมาะสมในบริบทหนึ่งนั้น

นี่คือรากแห่งการศึกษา และรากที่นำเราไปสู่ ประชาธิปไตย"