explicitClick to confirm you are 18+

อีลิทแบบแม่ตั๊น ชนชั้นล่างแบบผีน้อย: ความสกปรกของสุราบุหรี่และคนจนบนความหมายทางสังคมของการชำระล้าง

IdeooJun 27, 2020, 6:41:55 AM
thumb_up116thumb_downmore_vert

แม่ตั๊น สส. 1700 มีประเด็นดราม่าอีกแล้ว กรณีการถ่ายรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงโซเชี่ยลมีเดีย และเราทราบกันดีว่าสุดท้ายแล้วเธอย่อมไม่ผิด เพราะ กม. ไม่เอาผิดกับอีลิทอย่างเธอ

ย้อนกลับประเดือนสองเดือนก่อน ในช่วงที่เรากำลังแพนิกเรื่องเชื้อโควิดที่ระบาดในเกาหลี ญี่ปุ่นและจีน ขณะที่สังคมกำลังตั้งประเด็นและประนามหยามเหยียดแรงงานไทยในเกาหลีหรือผีน้อยที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงและเเหกด่านกักโรคไปเที่ยวเล่นจนคนในสังคมอกสั่นขวัญแขวน ขณะนั้น แม่ของตั๊น ก็ไปออกงานสังคมไฮโซที่เซนทรัลเวิลด์อย่างเฉิดฉายจนมีคนแหกว่า “หล่อนก็เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ทำไมไม่กักตัว” เที่ยวแพร่เชื้อโรคเหมือนกับผีน้อยไม่มีผิด

แน่นอนว่าการปฏิบัติต่อสถานที่ที่อีลิทไปและที่ผีน้อยไป ถูกปฏิบัติต่างกัน

หลายคนจับตามองว่าเขาจะล้างเซนเวิลด์ เหมือนที่ล้างร้านหมูกะทะหรือเซนปิ่นไหมเพราะเสี่ยงเหมือนกัน แต่ไม่ เพียงเพราะเเม่ของตั๊น ยืนยันว่า “กูไม่ติดหรอก”

ปรากฏการณ์นี้น่าสนใจกว่าเดิมตรงที่มันไปอยู่ที่เซนเวิลด์ ศูนย์กลางของชนชั้นกลางด้วย

เรามามองวิธีคิดและปฏิบัติการเล็กๆน้อยๆ กันดีกว่า

.....การล้าง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเชื้อหรือเพื่อทำความสะอาดคงไม่มีอะไรพิเศษหากไม่มีรหัสความรังเกียจเชื้อหรือความสกปรก แน่นอนว่าการรังเกียจสิ่งสกปรกเหล่านี้ทำให้มนุษย์ปลอดภัยมาตลอดประวัติศาสตร์

.....การล้างในชีวิตประจำวันจึงไม่น่าสนใจเท่ากับการล้างด้วยอีเว้นท์ทางสังคม การทำความสะอาดฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่คนที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อหรือความสกปรกเป็นมาตรการปกติ ผีน้อยที่ไม่ยอมกักตัวจึงมีความเสี่ยงมีเชื้อสกปรกส่งผลถึงชีวิต และการล้างแบบนี้ต้องประกาศแจ้งเป็นอีเว้นท์ทางสังคมให้คนทราบทั่วกัน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่สังคมว่าล้างแล้ว ร้านของฉัน พื้นที่ของฉันมันจะสะอาด เธอมั่นใจมาใช้ได้

......การล้าง และฆ่าเชื้อ ซึ่งตอนนี้คงมีหลายคนตั้งคำถามกันแล้วว่าทำไม จึงมีการล้างเฉพาะกรณี นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ หรือนักท่องเที่ยวบางรายไปใช้บริการร้านหม่าล่า และห้างอะไรบ้าง ทำไมเราถึงไม่เห็นการล้างและฆ่ามากนัก ซึ่งจริงๆอาจจะมีหลายที่ที่ทำนะครับ ขอบคุณจริงๆ

.......ความเสี่ยงด้านเชื้อและสิ่งสกปรกยิ่งมากเท่าไหร่ อีเว้นท์การล้างเพื่อประกาศความมั่นใจยิ่งใหญ่เท่านั้น เพื่อให้คนในสังคมมีส่วนร่วมรับรู้ว่าเราสะอาด ประเด็นจึงอยู่ตรงนี้ เมื่อเชื้อมันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ความสกปรกของผู้คนถูกเห็นและรับรู้และถูกสร้างต่อง่ายดาย ใครสกปรกที่สุดจึงถือเป็นความเสี่ยงมากและเรียกร้องคนในสังคมเข้าไปมีส่วนร่วมมากตาม

........ผีน้อยและคนจีน มันก็เป็นตราประทับเหมารวมเป็นก้อน 2 ก้อน และตรานั้นมีความสกปรกที่สังคมมองเห็นและสร้างขึ้นมาให้หลายอย่าง การล้างคนเหล่านี้แบบเหมารวมจึงเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องของการเลือกปฏิบัตินะครับ สำหรับผมนี่คือ การวิธีเข้าใจวัฒนธรรมแบบเหมารวมที่สุดท้ายแล้ว มองว่าคนเหล่านี้สกปรก ทั้งทางกายภาพและเชิงความคิดของเขา ขณะที่กลุ่มอื่นจัดวางไว้ในอีกระดับ

......ตัวอย่างการล้างความสกปรกในเมืองที่เป็นอีเว้นท์ทางสังคม เกิดขึ้นเมื่อปี 53 หลังเหตุการณ์ชุมนุมสงบ การทำความสะอาดเมืองเกิดขึ้นดูเหมือนปกติและดีงามสมเมืองไทยเมืองพุทธ เพราะหลังจากนั้นมีการทำบุญ สะเดาะห์เคราะห์ และเริ่มกำหนดความหมายของสิ่งสกปกที่เพิ่งล้างสำทับไปด้วย "ที่ต้องมาล้างกันนี่ ก็เพราะสิ่งเหล่านี้มันมากับคนบางกลุ่มไง ไร้การศึกษา ด้อยคุณภาพ ถูกหลอกมา สุดท้ายเผาบ้านเมือง มานอนตายฟรีร้อยศพ สร้างสภาพทุรอิศให้เกิดแก่เมืองหรือชาติ (กรณีคุณมองกรุงเทพคือประเทศ) รอยประทับนี้ไม่ได้เกิดชั่วครู่ยาม แต่ใช้เวลาก่อตัวมานานแล้วในอดีตเพื่อกันความสกปรกนี้ไม่ให้แปดเปื้อนพื้นที่ของศูนย์กลางและรัฐหรือพื้นที่ของคนชั้นนำ

......ที่ยกมา ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างที่ผิดฝาผิดตัว เพราะดูไม่เกี่ยวกับผีน้อยลั่นด่าน ไร้ความรับผิดชอบ จนใครๆต่างก็ล้างพื้นที่ไล่และประนามผมก็ประนาม ใช่ครับ ไม่เกี่ยวกัน แต่ “การล้าง” ในที่นี้เกี่ยวกับวิธีคิดเรื่องความสกปรกทางสังคม ที่มาพร้อมกับปฏิบัติการทางสังคมในที่นี้คือการล้าง วิธีคิดที่หลอมรวมความสกปรกทางไว้กับคนบางกลุ่ม เพราะบางครั้งเรามักสับสนว่าเราหวาดกลัวเชื้อโรคที่มากับคน หรือเรารังเกียจความคิด ตัวตน หรือความเป็นคนของคนนั้นๆ กันแน่

.....อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิด "เขา" ชนชั้นเจ้าของประเทศนี้เริ่มล้างเซนเทรัลเวิล เมื่อไหร่ ผมคงเบาใจ ว่าเราก้าวข้ามความสกปรกทางสังคมแล้ว เราเห็นการไปเที่ยวถ่ายรูปที่ญี่ปุ่นและไปขายตัวที่เกาหลี อุดมเชื้อหรือสกปรกที่เสี่ยงต่อเราทุกคนเสมอกัน...

.............

การถ่ายรูปขวดเหล้าลงโซเชี่ยลมีเดียผิดกฏหมาย นำเรามาสู่ลักษระการมองเรื่อง “ความสกปรกทางสังคม” ได้คล้ายกับกรณีข้างต้น 

เพราะเรามีผู้มีอำนาจปกครองประเทศมีศีลธรรมแบบอนุรักษ์นิยม สุรา บุหรี่ ไม่ดีทั้งนั้น เป็นความสกปรกมอมเมาประชาชนให้จน เครียด กินเหล้า วนอยู่ไม่หลุดพ้น จึงต้องชำระล้างความสกปรกนี้ด้วยการ “เบลอ” ฉลาก โฆษณา เซนเซอร์ บุหรี่สุรารวมถึงของทุกอย่างที่สกปรกรกตาผู้มีศีลธรรมสูงส่ง เช่นนั้นการนำของสกปรกเหล่านี้มาลงโซเชี่ยวมีเดียให้คนเห็นมันจั๊กจี้หัวใจ จึงต้องห้าม ทั้งไพร่ คนมื่อเสียง ฯลฯ ก็คือไพร่ ห้ามเด็ดขาด

กรณี แม่คุณตั๊นจึงท้าทายมาก เพราะเมื่ออีลิทที่มีศีลธรรมสูงส่งกระทำการอันเกี่ยวกับสิ่งสกปรกทางสังคมที่เขารังเกียจ เขาจะทำการล้างอย่างไร 

ผมเชื่อว่าสุดท้าย การปฏิบัติการ “ล้าง” จะแตกต่างจากไพร่ และชนชั้นกลางอื่นๆ เหมือนที่สังคมปฏิบัติต่อผีน้อย นี่คือการเลือกใช้ศีลธรรมและเลือกปฏิบัติ 

เพราะบางคน “สกปรก” กว่า เพราะไร้ชาติตระกูล

บางคนเกิดมาชาติตระกูลดี จึงสะอาด 

ดังนั้น สังคมแห่งการล้างและตีตราความสกปรกไปยังคนบางคน จึงเป็นสังคมอุดมความฟาสซิสม์ในตัว และนี่คือสังคมเรา